“ตกขาว” เรื่องที่สาวๆ กังวล

“ตกขาว” เป็นเรื่องที่สาว ๆ หลายคนกังวล แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะตกขาวเกิดจากการที่ต่อมภายในช่องคลอดและปากมดลูกผลิตของเหลวซึ่งนำพาเซลล์ที่ตายแล้วและแบคทีเรียออกมา ทั้งนี้เพื่อทำความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ โดยปกตินั้น ตกขาวจะมีสีใสไปจนถึงสีขาวขุ่นแบบน้ำนม ไม่มีกลิ่น ไม่คัน

แต่ถ้าสีและกลิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ร่วมกับอาการคันหรือเจ็บแสบบริเวณช่องคลอด นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเกิดการติดเชื้อเข้าแล้วนะค่ะสาวๆ สี และกลิ่น ของตกขาว บอกอะไรกับสาวๆ ได้บ้างมาดูกัน !!!

**ปนเลือดหรือมีสีน้ำตาล** — ประจำเดือนมาผิดปกติไม่ตรงรอบ หรือที่พบได้ไม่บ่อยคือเกิดจากมะเร็งโพรงมดลูกหรือมะเร็งปากมดลูก อาจมีอาการปวดท้องน้อยหรือมีเลือดออกผิดปกติร่วมด้วย **ขุ่นมีสีเหลือง** — อาจมีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น Gonorrhea เลือดออกระหว่างรอบเดือน หรือมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

**สีเหลือง เขียว มีฟองปน** — อาจเกิดจากการติดเชื้อปรสิต Trichomoniasis มักมีอาการปวดและคันเวลาปัสสาวะร่วมด้วย

**สีชมพู** –พบได้ในหญิงหลังคลอด เนื่องจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก

**สีขาว หนาเป็นก้อน** –เกิดจากการติดเชื้อราจนมีอาการบวม แดง คันบริเวณอวัยวะเพศ เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์

**สีขาว เทา หรือเหลือง กลิ่นคาวเหมือนปลา** — เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจะมีอาการคัน แสบ แดง และบวมบริเวณอวัยวะเพศ

เพื่อสุขภาพของจุดซ่อนเร้น หมั่นตรวจดูสิ่งแปลกปลอม และใส่ใจทำความสะอาดให้ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบธรรมชาติดูแลสมดุลpH และฟื้นฟูแบคทีเรียประจำถิ่น ให้จุดซ่อนเร้นมีสุขภาพดีกันนะค่ะ

Cr : Lemonade

ออกซิเจนเข้มข้น ช่วยต่อต้านยับยั้งเซลล์มะเร็งได้

ปัจจุบันนี้ “โรคมะเร็ง” ถือว่าเป็นโรคที่คร่าชีวิตมากอีกโรคหนึ่งเลยทีเดียว และการรักษาก็มีความก้าวหน้าไปมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้การรักษาโรคมะเร็งนั้น ก็ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยอยู่ หากร่างกายของผู้ที่เป็นโรคมะเร็งแข็งแรงไม่เพียงพอก็จะทำให้ไม่สามารถทนต่อการรักษาได้ และล่าสุดนี้เว็บไซต์ Medical Daily ได้นำผลการวิจัยของ ทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา มาบอกเล่าถึงผลการค้นพบวิธีการรักษาที่อาจจะช่วยให้การรักษาโรคมะเร็งเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น คือ การรักษาโรคมะเร็ง ด้วยการใช้ออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงเข้าสู่ร่างกายด้วยการหายใจ

การศึกษาล่าสุดของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Northeastern University ซึ่งมี Michail Sitkovsky นักวิจัยในสาขาที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันพบว่า การใช้ออกซิเจนเข้าช่วยในการรักษามะเร็ง จะช่วยปลุกเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการต่อสู้กับโรคโรคมะเร็งขึ้นมาให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยการศึกษากับหนูทดลองพบว่าการหายใจเอาอากาศที่มีความเข้มข้นของออกซิเจนอยู่ที่ปริมาณ 40 – 60 % จะช่วยให้ระบบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นแถมยังทำให้ร่างกายหลั่งทีเซลล์ (T-lymphocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยในการต่อสู้กับก้อนเนื้อร้ายจากโรคมะเร็งได้มากกว่าการสูดหายใจเอาอากาศทั่วไปที่มีความเข้มข้นของออกซิเจนเพียง 21 % และที่สำคัญออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงก็ไม่มีส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกายอีกด้วย

ทั้งนี้ Sitkovsky นักวิจัยที่ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ออกซิเจนรักษาโรคมะเร็งมานานหลายทศวรรษ ยังได้ค้นพบว่าพื้นผิวของเซลล์ภูมิคุ้มกันมีสารที่ชื่อว่า A2A adenosine receptor ซึ่งเจ้าสารชนิดนี้จะส่งผลให้มะเร็งเจริญเติบโตขึ้น และถ้าหากทีเซลล์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็จะทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มตายลง แต่การหายใจเอาออกซิเจนเข้มข้นเข้าไปจะกระตุ้นให้ทีเซลล์ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้ A2A adenosine receptor อ่อนแอลงจนทำให้ร่างกายสามารถรักษาตนเองจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น

ถือเป็นความก้าวหน้าของวงการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็งที่น่าสนใจมากๆ แต่ทั้งนี้อย่างไรแล้วก็ตามเราควรมั่นใส่ใจดูแลสุขภาพดื่มน้ำบริสุทธิ์ ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและห่างไกลจาก “โรคมะเร็ง” กันนะค่ะ

ทำไม เราจึงจำเป็นต้องรับประทาน “ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยจากธรรมชาติ”

จากสภาพแวดล้อม ทำให้พฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป และอาหารมีผลกระทบต่อสมดุลกรด-ด่าง ในร่างกายของเราโดยตรง ปัจจุบันมักพบผู้ที่มีปัญหาโรคเรื้อรังหลายโรคอยู่บ่อยๆ และเมื่อเรามีอายุมากขึ้นเลือดก็ยิ่งมีกรดเพิ่มมากขึ้น สภาวะกรดของร่างกายส่งผลเสียอย่างไร? ผลที่เกิดกับร่างกายนี้เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกกันว่า สภาวะกรดในระดับต่ำอย่างเรื้อรัง (Chronic Low-Grade Metabolic Acidosis) ซึ่งเป็นสภาวะที่ร่างกายเป็นกรดในระดับอ่อนๆ ในระยะเริ่มแรกเราอาจไม่เห็นอาการผิดปกติใดๆ แต่ถ้าทิ้งให้ร่างกายอยู่ในสภาพนี้นานๆ อาจทำให้เป็นโรคเรื้อรัง หรือมีอาการต่างๆ ได้ อาทิเช่น โรคมะเร็งลำไส้ โรคหัวใจ ความดันสูง ไขมันอุดตัน โรคอ้วน ระบบต้านอนุมูลอิสระมีประสิทธิภาพลดลง เป็นโรคติดเชื้อจากเชื้อราได้ง่าย ปวดเมื่อยข้อและกล้ามเนื้อ มีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง ผิวพรรณแห้งหยาบ ไม่ชุ่มชื่น สิวเห่อ กลาก เกลื้อน ป่วยง่าย เกิดอาการภูมิแพ้บ่อย ฯลฯ ปัญหาสุขภาพต่างๆนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว

“อาหาร” ที่เป็นต้นเหตุของโรคเหล่านี้เชื่อหรือไม่ ก็คืออาหารในโลกปัจจุบันนั่นเอง เนื่องจากการปฏิวัติเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ทำให้ธัญพืชและน้ำตาลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอาหารของมนุษย์มากขึ้น ซึ่งทำให้อาหารที่เรารับประทานอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยธัญพืชแปรรูปขัดสี น้ำตาล เนื้อสัตว์ และอาหารแปรรูปต่างๆ แทนที่ผัก-ผลไม้ จึงทำให้การทานผัก-ผลไม้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าวเราจึงพยายามหาแนวทางที่จะคืนความ สดชื่นและการมีสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกายให้เร็วที่สุด อันเป็นที่มาของกระแส “การล้างพิษ” จากกระบวนการทำงานของตับ ไตและลำไส้ โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ที่มีหน้าที่กำจัดของเสีย จากอาหารที่เรากินเข้าไปด้วยการขับถ่ายอุจจาระทุกวัน และสิ่งสำคัญที่จะเสริมให้การล้างพิษตามธรรมชาติของลำไส้ใหญ่ให้มีประสิทธิภาพคือ “เส้นใยอาหาร” นั้นเอง

แนวความคิดหลักของ “ของเสียที่มีสภาพเป็นกรด เป็นสาเหตุพื้นฐานของโรคเรื้อรัง” ทั้งหมดดังนั้น

1. หากเราสามารถป้องกันการดูดซึมของเสียที่มีสภาพเป็นกรดเข้าสู่ร่างกาย โดยกระบวนการกำจัดของเสีย จึงเป็นการป้องกัน การเกิดโรคเรื้อรังที่สาเหตุ

2. หากเรามีระบบการขับของเสียที่มีสภาพเป็นกรดออกจากร่างกาย จึงเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง

การมีสุขภาพที่ดี กับ การเป็นโรคเรื้อรัง

การมีสุขภาพที่ดี = ภาวะที่เซลล์ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์

การเป็นโรคเรื้องรัง = ความไม่สมบูรณ์ ในการทำหน้าที่ของเซลล์ (การเสื่อมของระบบเซลล์)

ความสมดุลกรด- ด่าง ในร่างกาย และสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ร่างกายมีความเป็นกรดสูง

โดยทั่วไปร่างกายคนเรามีสภาพเป็นกรด และ ด่าง แต่จะค่อนข้างไปทางด่างมากกว่า คือจะมีค่า pH ประมาณ 7.4 ซึ่งกระบวนการทำงานในร่างกายจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เช่น การย่อย ดูดซึม ที่สำคัญที่สุดคือการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ร่างกายมีความเป็นกรดสูง ได้แก่ ความเครียด สารพิษ เชื้อโรค และอาหารที่เรารับประทาน โดยอาหารที่ทำให้ร่างกายเกิดสภาวะเป็นกรด และควรลดการบริโภคให้ลดลง ได้แก่ อาหารประเภทแป้งและคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ขัดสีจนขาวแล้ว อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลทรายขาว และผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล ขนมหวาน ไอศครีม ผลไม้กระป๋อง น้ำอัดลม ของหมักดอง น้ำส้มสายชู น้ำชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื้อสัตว์ทุกชนิด

ระบบการขับพิษตามธรรมชาติในร่างกายของเรา

ตับ มีหน้าที่ ดีท็อกซ์ หรือขับพิษที่เกิดจาก แบคทีเรีย ยา และฮอร์โมน ให้อยู่ในสภาพที่ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ ตับ ยังช่วยสลายโมเลกุลของโปรตีน ไปเป็นแอมโมเนีย จากนั้นเป็นยูเรีย แล้วขับออกมาในรูปของ ปัสสาวะ

ปอด มีหน้าที่ ขับของเสียออกมาในรูปของก๊าซ

ไต มีหน้าที่ควบคุมปริมาณของเหลวในร่างกาย ส่วนผสมของเกลือแร่ สารอาหาร ความเป็นกรด และขับถ่ายของเสียที่เกิดจากกระบวนการเมตาบอลิซึม และสารเคมีแปลกปลอม ออกมาในรูปของของเหลว

ผิวหนัง มีหน้าที่ ผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว และขับเหงื่อ

ระบบการย่อยอาหาร หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของ ระบบย่อยอาหารคือ การดูดซึมสารอาหาร การดูดซึมสารอาหารช่วยให้มีสุขภาพดี แต่การดูดซึมของเสียที่มีสภาพเป็นกรด ทำให้เกิดโรค ถ้าของเสียที่มีสภาพเป็นกรดถูกดูดซึมเพียงเล็กน้อย ย่อมหมายความว่าเหลือพื้นที่ว่างมากขึ้นสำหรับการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทาน “ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยจากธรรมชาติ” ช่วยอะไรเราได้


เส้นใย (Fiber)
พีระมิดอาหารที่สมดุลต้องมีส่วนประกอบของอาหารที่หลากหลาย รวมถึงเส้นใยอาหาร ในทางโภชนาการหน้าที่ของเส้นใยอาหาร คือ เพิ่มการขจัด และขับถ่ายของเสียที่เป็นกรด แหล่งของเส้นใยอาหาร เช่น ผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช และผลไม้ที่มีเปลือกแข็ง

เส้นใย (Fiber) หมายถึง องค์ประกอบที่เป็นผนังของเซลล์พืช ที่ไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหาร ดังนั้นจึงไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้

**ปัจจุบันนี้ในความเป็นจริง หลายคนอาจกินไม่ได้ตามที่ร่างกายต้องการทุกวัน ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก เกิดของเสียหมักหมมในลำไส้ใหญ่ ร่างกายมีสภาวะเป็นกรดสูง และถ้าเป็นเรื้อรัง ก็เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว หลายคนพึ่งวิธีการ “กินยาระบาย” และ “การสวนล้างลำไส้ใหญ่” ซึ่งอาจจะเป็นการทำลายจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในผนังลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองและช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดที่ก่อให้เกิดโรค ดังนั้นหากสวนล้างลำไส้ใหญ่บ่อยเกินไปเท่ากับว่า เรากำจัดจุลินทรีย์ชนิดดีนั้นออกไปด้วย ผลก็คือ จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น และทำให้สูญเสียสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย สรุปว่าอาจเป็นทางเลือกที่เร็วและเห็นผลทันที แต่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว

หากเราเลือกรับประทาน “ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยจากธรรมชาติ” ในการล้างพิษ เราจะได้รับ

“ไฟเบอร์ ชนิดละลายน้ำได้” เมื่อเรารับประทานเข้าไปจะเปลี่ยนสภาพมีลักษณะคล้ายเจล ซึ่งสามารถช่วยลดระดับไขมันและคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือด ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด ช่วยให้อิ่มเร็วอิ่มนาน และเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ จะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่อย่างช้าๆ ทำให้เกิดกรดไขมันชนิดสายสั้น (Short-chain fatty acid)ได้แก่ อะซิเตท โพรพิโอเนท และบิวทีเรท ซึ่งสารบิวทีเรท จะทำให้ค่า pH ในลำไส้ลดลงต่ำ มีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ จุลินทรีย์ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคและลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

“ไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำไม่ได้” ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ดีต่อการย่อย อีกทั้งทำให้อุจาระนิ่ม จึงช่วยให้การขับถ่ายได้ดี ช่วยล้างพิษในระบบทางเดินอาหารส่งผลให้ของเสียถูกขับออกจากร่างกายได้ดีขึ้น ป้องกันการเกิดปัญหาท้องผูกและลดความผิดปกติในลำไส้

“ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยจากธรรมชาติ”
ทำหน้าที่ปกป้องและกำจัดโรคเรื้อรัง โดยป้องกันการดูดซึมของเหลวที่มีสภาพเป็นกรดเข้าสู่ร่างกาย และลดปริมาณของเสียที่เป็นกรดในร่างกาย โดยผ่านกระบวนการขับถ่าย ลดต้นตอที่ทำให้เกิดของเสียที่เป็นกรด ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง ทำให้สุขภาพดีขึ้น เส้นใยไฟเบอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพที่ดีของเรา

เพียงเรารับประทาน “ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยจากธรรมชาติ” เป็นประจำก็มีสุขภาพที่ดีได้ไม่ยาก


ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และ ดีท๊อกซ์ การดูแลรูปร่าง อย่างเห็นผลได้ที่ 080 8070633 Line ID : atmcenter3

การดีท๊อกซ์แบบโภชนาการบำบัด (Detox diets)

pic1

การดีท๊อกซ์แบบโภชนาการบำบัดโดยปกติใช้เวลา 3-21 วันโดยมุ่งเน้นการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ถึงแม้ว่ากระบวนการกำจัดของเสียและสารพิษสามารถกระทำได้โดยธรรมชาติของร่างกาย แต่ร่างกายมักไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างสมบูรณ์อันเป็นผลมาจากสารพิษจำนวนมากและหลากหลายประเภทรวมทั้งความเครียดที่เป็นตัวบั่นทอนประสิทธิภาพในการกำจัดของเสีย และในที่สุดสารพิษและของเสียเหล่านี้ก็จะส่งผลลบและกระทบต่อการทำงานของระบบอื่นๆของร่างกายด้วย การดีท๊อกซ์แบบโภชนาการบำบัดจะช่วยให้ร่างกายของเราสามารถมุ่งเน้นไปในการเยียวยาตัวของมันเอง เป้าหมายคือเพิ่มพลังงานให้ร่างกายโดยรวม ระบบย่อยอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น รักษาอาการปวดหัว เพิ่มสมาธิในการทำงานหรือการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รักษาระดับอารมณ์ไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปมา เพิ่มระดับภูมิต้านทานลดอาการแพ้ต่อสิ่งต่างๆ เรียกคืนความสามารถปกติของร่างกายในการต้านเชื้อโรค ต้านอาการหวัด ป้องกันความเสื่อมของร่างกายและการแก่ก่อนวัย
การดีท๊อกซ์แบบโภชนาการบำบัดมีหลากหลายประเภท โดยทั่วไปลักษณะของการดีท๊อกซ์แบบโภชนาการบำบัด เป็นดังนี้

• การลดปริมาณของสารเคมีที่นำเข้าสู่ร่างกาย เช่น การรับประทานเฉพาะอาหารประเภทออแกนิก (Organic Food)
• มุ่งเน้นอาหารที่ให้วิตามินสูง สารอาหารที่สำคัญๆต่อร่างกาย และสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายต้องนำไปใช้ในกระบวนการดีท๊อกซ์
• มีส่วนประกอบสำคัญต่อไปนี้ ได้แก่ อาหารที่มีเส้นใย(Fiber)สูง และน้ำสะอาดที่ปราศจากสารพิษต่างๆเพื่อร่างกายนำไปใช้ในการทำงานของลำไส้และการปัสสาวะเพื่อขับถ่ายของเสีย

การสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ

วิธีการหนึ่งของการล้างลำไส้คือ การสวนด้วยกาแฟ (coffee enema) ซึ่งเป็นการล้างลำไส้ในส่วนต้น เนื่องจากด้วยในกาแฟประกอบด้วยสารคาเฟอีน ทีโอไฟลีน ทีโอโบรมีนซึ่งสารเหล่านี้มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของจิตใจเกิดการคลายตัว ส่งผลทำให้หลอดเลือดและท่อน้ำดีขยายตัว สำหรับผลของกาแฟต่อร่างกาย ที่เกิดจากการดื่มกาแฟ นั้นแตกต่างการสวนลำไส้ด้วยกาแฟ เนื่องจากเส้นเลือดดำบริเวณลำไส้ใหญ่และทวารนั้นอยู่ไม่ลึกจากผิว ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมคาเฟอีนจากกาแฟในขณะสวนล้างลำไส้ได้อย่างรวดเร็ว (และเป็นกาแฟที่มีความเข้มข้นมากกว่าด้วย)

pic

การดีท๊อกซ์ด้วยวิธี สวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ แตกต่างจากการดีท๊อกซ์ด้วยการรับประทานไฟเบอร์ อย่างไร ?

แน่นอนว่าการทำดีท๊อกซ์ (Detoxification) ทั้งสองแบบนี้เป็นกระบวนการนำเอาของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย หรือนิยมเรียกกันสั้นๆว่า “การล้างพิษ” การดีท๊อกซ์หรือการล้างพิษอาจมาในหลากหลายรูปแบบและอาจหมายรวมถึงโปรแกรมการล้างพิษต่างๆกันไปแต่เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันก็คือ ชำระล้างของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย
การดีท๊อกซ์ด้วยวิธี สวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ จะเป็นเพียงการล้างลำไส้ในส่วนต้น และการสวนล้างในลักษณะนี้จะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ของเรานั้นหายไปด้วย แต่สำหรับการรับประทานไฟเบอร์ซึ่งเป็นเส้นใยจากธรรมชาติแบบออร์แกนิคจะสามารถช่วยขจัดสารพิษตั้งแต่หลอดอาหาร กระเพาะ ลำไส้เล็ก จนถึงลำใส้ใหญ่ และยังคงรักษาแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ส่งผลให้ร่ายกายมีการขับถ่ายดี บรรเทาอาการท้องผูก ลดการหนักหมมของเสียในระบบการขับถ่ายทั้งระบบ และการรับประทานไฟเบอร์จะช่วยให้อิ่มทนอิ่มนาน เราจึงสามารถควบคุมพลังงานจากอาหารที่รับประทานได้ ส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลง และหากทานเป็นประจำยังส่งเสริมให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสอีกด้วยค่ะ

ใครบ้างที่จำเป็นต้องทำการล้างสารพิษหรือดีท๊อกซ์

ใครก็ตามที่มีปัญหาหรืออาการไม่ปกติต่างๆเหล่านี้เรื้อรังเป็นระยะเวลานาน การทำดีท๊อกซ์จะช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้หรืออาจหายจากอาการได้ในบางราย

• มีปัญหาทางเดินอาหารเรื้อรัง
• มีการทำงานของตับผิดปกติ เนื่องจาก : แอลกอฮอล์, นิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกโภชนาการ มีความเครียดสูง สัมผัสสารเคมีในที่ทำงาน, และไวรัสตับอักเสบ
• มีอาการปวดหัวเรื้อรัง
• มีปัญหาสภาพผิวเรื้อรัง
• ปวดข้อต่อและกล้ามเนื้อ
• ไวต่อการติดเชื้อต่างๆได้ง่าย
• มีปัญหาทางเดินหายใจ
• เป็นโรคภูมิแพ้
• มักอ่อนเพลียและ รู้สึกเมื่อยล้า
• มีภาวะซึมเศร้าและมักหงุดหงิด
• นอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท หรือ นอนหลับแบบไม่มีคุณภาพหรือหลับแต่รู้สึกเหมือนนอนไม่พอ
ประโยชน์ของการดีท๊อกซ์
มีข้อดีมากมายของกระบวนการดีท๊อกซ์หรือล้างสารพิษ การดีท๊อกซ์ต้องอาศัยวินัยและความต่อเนื่องของกระบวนการดีท๊อกซ์ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้ออกแบบไว้ แต่ผลดีที่จะได้รับนั้นมากมายและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมหาศาล

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และ ดีท๊อกซ์ การดูแลรูปร่าง อย่างเห็นผลได้ที่ 080 8070633 Line ID : atmcenter3 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.tips2health.com/fiber-plus/

การล้างพิษ (Detox) จากธรรมชาติด้วยเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์

เมื่อพูดถึงเส้นใยอาหาร หลายคนจะคิดถึงส่วนที่เป็นเส้นๆใน ฝัก ถั่ว หรือผักใบเขียวทั้งหลายที่มีเส้นแข็งๆ อยู่ในใบ แต่ใยอาหารที่เรากล่าวถึงนี้มีคุณสมบัติมากกว่านั้น

เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์ ส่วนใหญ่เราจะได้จากส่วนโครงสร้างของพืช เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด เป็นส่วนที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้มีอีกชื่อหนึ่งว่าเซลลูโลส ซึ่งมี 2 ชนิดคือ ชนิดที่ละลายน้ำได้ เวลาละลายน้ำจะเห็นเป็นลักษณะเมือกๆ พบมากในผลไม้ ถั่ว ข้าวโอ๊ต เป็นต้น อีกชนิดคือ ไฟเบอร์ ชนิดที่ไม่ละลายน้ำ จะพบมากใน ข้าวซ้อมมือ รำข้าว ผักต่างๆ ไฟเบอร์ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานใดๆ ถึงแม้ว่าโครงสร้างจะเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งก็ตาม เมื่อเรารับประทาน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานเข้าไปในร่างกาย มันจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารลงไป เราสามารถลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารได้จึงส่งผลให้ลดน้ำหนักได้นะค่ะ

ประเภทของอาหารที่ให้ใยอาหารสูงแก่ร่างกาย ก็คือ อาหารประเภทถั่วทั้งชนิดฝักและเมล็ด ผัก ผลไม้ และข้าวซ้อมมือ (ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี) รวมถึงขนมปังโฮลวีท (ขนมปังแป้งสาลีที่ไม่ผ่านการขัดสี) ด้วยเช่นกัน เอ้ !! เราทราบหรือไม่ว่า เส้นใยอาหารนั้น จะช่วยล้างพิษในร่างกายรวมถึงระบบการย่อย การขับถ่าย และยังได้รับผลพลอยได้ในการควบคุมน้ำหนักจนมีรูปร่างสวยเพียวด้วย และที่สำคัญใยอาหารสามารถเปลี่ยนชีวิตของทุกๆคนให้มีสุขภาพที่ดีด้วยอีกนะค่ะ

เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์ กับการล้างพิษ (Detox) จากสภาพแวดล้อม ทำให้พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป เราจึงพยายามหาแนวทางที่จะคืนความสดชื่นและการมีสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกายให้เร็วที่สุด อันเป็นที่มาของกระแส “การล้างพิษ” จากกระบวนการทำงานของตับ ไตและลำไส้ โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ที่มีหน้าที่กำจัดของเสียจากอาหารที่เรากินเข้าไปด้วยการขับถ่ายอุจจาระทุกวัน และสิ่งสำคัญที่จะเสริมให้การล้างพิษตามธรรมชาติของลำไส้ใหญ่ให้มีประสิทธิภาพคือ เส้นใยอาหาร ที่ร่างกายได้รับจากการกินอาหารประเภทข้าวกล้อง ธัญพืช โฮลวีท ข้าวโอ๊ต ถั่ว ผักและผลไม้ เป็นต้น

แต่ในความเป็นจริง หลายคนอาจกินไม่ได้ตามที่ร่างกายต้องการทุกวัน ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก เกิดของเสียหมักหมมในลำไส้ใหญ่ และถ้าเป็นเรื้อรัง ก็เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว หลายคนพึ่งวิธีการ “กินยาระบาย” และ “การสวนล้างลำไส้ใหญ่” ซึ่งอาจจะเป็นการทำลายจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในผนังลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองและช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดที่ก่อให้เกิดโรค ดังนั้นหากสวนล้างลำไส้ใหญ่บ่อยเกินไปเท่ากับว่า เรากำจัดจุลินทรีย์ชนิดดีนั้นออกไปด้วย ผลก็คือ จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น และทำให้สูญเสียสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย สรุปว่าอาจเป็นทางเลือกที่เร็วและเห็นผลทันที แต่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว
หากเราเลือกรับประทาน เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์ ในการล้างพิษ เราจะได้รับ
“เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ” จะพองตัวและอุ้มน้ำไว้ได้มากกว่าปริมาตรของตัวเองหลายเท่า ช่วยเพิ่มปริมาตรกากอาหารในลำไส้ ไม่ให้อุจจาระแห้งและแข็ง ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายและสบายขึ้น ไม่มีสิ่งหมักหมมค้างในลำไส้ใหญ่
“เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ” จะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่อย่างช้าๆ ทำให้เกิดกรดไขมันชนิดสายสั้น (Short-chain fatty acid)ได้แก่ อะซิเตท โพรพิโอเนท และบิวทีเรท ซึ่งสารบิวทีเรทจะทำให้ค่า pH ในลำไส้ลดลงต่ำ มีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ จุลินทรีย์ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคและลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

ประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากการรับประทาน เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์ เป็นประจำ
“ลดคลอเรสเตอรอล และ ดีต่อผู้ป่วย โรคหัวใจ”
การวิจัยพบว่า ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ สามารถช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือด จึงลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้ค่ะ
“ดีต่อผู้ที่เป็น โรคเบาหวาน”
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบอีกว่า ไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้จะช่วยในด้านการลดระดับน้ำตาลในเลือด จนสามารถช่วยลดการใช้ปริมาณอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และยังค้นพบอีกว่าคนที่รับประทาน ไฟเบอร์มากๆ จะช่วยลดโอกาสการเป็น เบาหวาน
“ดีต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก”
ไฟเบอร์ เป็นเส้นใยธรรมชาติ จึงไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ใช้พื้นที่มากในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เวลารับประทานไฟเบอร์เข้าไปจะรู้สึกอิ่มได้เร็วและนาน ช่วยลดความอยากอาหารลงได้ส่งผลให้เราควบคุม และลดน้ำหนักลงได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้น “การล้างพิษ” ที่ดีที่สุด คือ การล้างพิษตามธรรมชาติด้วยการรับประทานอาหารที่สด ปรุงสะอาดมีกากใยสูงและมีคุณค่าต่อร่างกาย ควบคู่กับการดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน การออกกำลังกายบ้าง นอนหลับพักผ่อนและทำจิตใจให้แจ่มใส และอาจใช้ผลิตภัณฑ์เส้นใยอาหารธรรมชาติเสริม ในกรณีที่รับประทานอาหารที่มีเส้นใยน้อยก็ได้นะค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก : นิตยสาร Health Today