มะเร็งปากมดลูกภัยร้ายของผู้หญิง   

คุณผู้หญิงหลายท่านกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก  ก็เข้าขั้นลุกลามไปแล้ว ทำให้รักษาไม่ทัน และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ผู้หญิงเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกกันเป็นจำนวนมาก  ทั้งนี้เราสามารถป้องกันดูแลรักษาให้หายได้ ถ้าหากรู้เร็วและรักษาได้ทัน  เรามาดูกันก่อนว่ามีปัจจัยเสี่ยงอะไรได้บ้าง

 

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ได้แก่

  • การติดเชื้อ HPV หรือการเป็นหูดที่อวัยวะเพศ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
  • การสูบบุหรี่  มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นสองเท่า
  • ระบบภูมิคุ้มกันของคุณสุภาพสตรี ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดีจะทำให้เกิดโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ง่ายจึงมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น
  • การติดเชื้อ Chlamydia พบว่าผู้ที่ติดเชื้อ Chlamydia ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
  • อาหาร ผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อยจะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้
  • ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดมาเป็นระยะเวลานาน
  • การมีบุตรหลายคนเชื่อว่าจะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น เชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนทำให้ติดเชื้อ HPV ง่าย และขาดการป้องกันการติดเชื้อ
  • ผู้ที่ได้ยา Diethylstilbestrol (DES) เพื่อป้องกันแท้ง
  • การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
  • การมีคู่นอนหลายคน หรือฝ่ายชายที่เราร่วมหลับนอนมีคู่นอนหลายคน
  • พันธุกรรม

สัญญาณเตือนภัยในการเป็นมะเร็งปากมดลูก
* ในระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการเลยหรืออาจมีเลือดออกจาก ช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์
* ประจำเดือนมาผิดปกติ
* ตกขาวมีกลิ่น ปริมาณมาก สีผิดปกติ หรืออาจปนเลือด

*รู้สึกเจ็บและมีเลือดออกในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ และหลังมีเพศสัมพันธ์

หากคุณอยู่ในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง หรือ เริ่มมีสัญญาณเตือนภัยตามข้อมูลดังกล่าว
โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจหามะเร็ง อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไป

การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูก

ถึงแม้ว่ามะเร็งปากมดลูกจะฟังดูน่ากลัว แต่ก็ยังสามารถป้องกันได้และยังสามารถลดความเสี่ยงได้ วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก

**ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยจะสามารถลดโอกาสการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ 70 %

**งดการสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อับที่มีคนสูบบุหรี่ประจำ

**รับประทานผักผลไม้ให้มาก

**ไม่ใส่ชุดชั้นในซ้ำๆติดๆกันเป็นเวลานาน

**รักษาความสะอาดช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอ

**ทำการตรวจคัดกรองเพื่อหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก เป็นประจำทุกๆ ปี

สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้ที่ตัวเราค่ะ

 

Cr :  wikipedia.org

สารอาหารบำบัดโรค

การมีสุขภาพดีนั้นเป็นสุดยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคนตามคำกล่าวที่ว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครที่หลุดรอดหรือหนีพ้นจากความจริงในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะการที่เรามีชีวิตและดำเนินกิจกรรมอยู่ในสังคมเมืองยุคใหม่ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าดีพร้อมและเหมาะสม แม้กระทั่งอาหารที่เราบริโภคอยู่ทุกวันก็อาจจะไม่สะอาดมีเชื้อจุลินทรีย์ เชื้อโรค สารพิษ หรือสารก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่  ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพบว่าอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคภัยที่สำคัญได้แก่ โรคหัวใจ”  และโรคมะเร็ง  ซึ่งล้วนเป็นปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการบริโภคที่ไม่สมดุล  ปัจจุบันนี้คนไทยยังประสบปัญหาเกี่ยวกับภาวะโภชนาการอยู่มาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว และคนวัยทำงานในสังคมเมือง มักมีภาวะโภชนาการที่เกินดุลโดยได้รับสารอาหาร พวกแป้ง โปรตีน และไขมัน ในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตติดอันดับต้นๆของคนไทย

วันนี้คุณอาจจะยังคิดว่าร่างกายของคุณยังแข็งแรงอยู่  แต่ทุกอย่างกำลังก่อตัวขึ้นอยู่ภายในร่างกายของคุณทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งเริ่มปรากฏอาการแสดงต่างๆ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง จนลุกลามไปสู่ภาวการณ์เจ็บป่วย   การใช้สารอาหารบำบัดหรือที่ในบ้านเราเรียกกันว่า “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” นั้นดูหลายคนจะขยาดและอยากวิ่งหนีเมื่อได้ยินคำนี้เพราะทราบว่าต้องเสียเงิน  แต่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในการป้องกันเราจากโรคเสื่อมต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด “เซลล์อ่อนแอ” หรือ “เซลล์ขาดอ๊อกซิเจน”  จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องมองหา สารอาหารบำบัด” เพื่อปกป้องและชะลอการเกิดโรคความเสื่อมของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้องใช้สารอาหารบำบัด ?

ดร. เรย์ดีเเสตรนด์ ได้ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี และมีประสบการณ์รักษาผู้ป่วยมานานได้ชี้ให้เห็นว่าอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายเป็นตัวทำลายเซลล์ให้เสื่อมลงและก่อให้เกิดโรคภัยมากกว่า 70 ชนิด        ซึ่งเหตุปัจจัยในการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายได้แก่ มลภาวะปนเปื้อนใน อาหาร น้ำ  อากาศ   ความเครียดสะสม  การออกกำลัง หรือใช้แรงงานมากเกินพิกัด     การป้องกันไม่ไห้ร่างกายเกิดภาวะเซลล์ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระหรือการเกิดโรคเสื่อมของร่างกายนั้นจะต้องได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอ

ดร. เรย์ดีแสตรนด์ พบว่า คุณประโยชน์ของสารอาหารบำบัด เป็นหลักการสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระและใช้บำบัดรักษาในระดับหน่วยเซลล์  ซึ่งพบว่าวิธีนี้เป็นการรักษาด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพให้เซลล์  เพิ่มระดับภูมิต้านทานโรค ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจากความเสื่อม ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง ข้ออักเสบ ต้อกระจก อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หอบหืด โรคปอดและรักษาโรคจากความเสื่อมเรื้อรัง     การรักษาโรคด้วยสารอาหารจึงเป็นทางเลือกหนึ่งให้ผู้ป่วยหายจากโรคต่างๆหลายโรคมามากมาย ซึ่งยาเคมีที่ใช้ในการแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถกระทำการรักษาได้

คุณควรรับประทาน “สารอาหารบำบัด” หากคุณตอบว่า “ ใช่” เพียงข้อใด ข้อหนึ่ง

  1. คุณไม่ได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทุกมื้อ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก และผลไม้สดไร้สารพิษ 100%
  2. คุณไม่ได้รับประทานผักครบ 5 สีทุกมื้อ หรือรับประทานผักผลไม้ครบ 2 กิโลกรัมทุกวัน
  3. คุณรับประทานอาหารประเภททอด ปิ้ง ย่าง ผัด เป็นส่วนใหญ่ และใช้ความร้อนกับน้ามันพืชเกิน 60˚C (ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระตั้งแต่กระบวนการปรุงอาหาร จนถึงการรับประทานเข้าไป)
  4. คุณไม่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป
  5. คุณอยากมี “สุขภาพดีไม่มีการเจ็บป่วย” หรืออยากมีสุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัย 10- 30 ปี

การล้างพิษ (Detox) จากธรรมชาติด้วยเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์

เมื่อพูดถึงเส้นใยอาหาร หลายคนจะคิดถึงส่วนที่เป็นเส้นๆใน ฝัก ถั่ว หรือผักใบเขียวทั้งหลายที่มีเส้นแข็งๆ อยู่ในใบ แต่ใยอาหารที่เรากล่าวถึงนี้มีคุณสมบัติมากกว่านั้น

เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์  ส่วนใหญ่เราจะได้จากส่วนโครงสร้างของพืช  เช่น กิ่ง ก้าน เมล็ด เป็นส่วนที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้มีอีกชื่อหนึ่งว่าเซลลูโลส ซึ่งมี 2 ชนิดคือ  ชนิดที่ละลายน้ำได้ เวลาละลายน้ำจะเห็นเป็นลักษณะเมือกๆ พบมากในผลไม้ ถั่ว ข้าวโอ๊ต เป็นต้น  อีกชนิดคือ ไฟเบอร์ ชนิดที่ไม่ละลายน้ำ จะพบมากใน ข้าวซ้อมมือ รำข้าว ผักต่างๆ  ไฟเบอร์ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานใดๆ ถึงแม้ว่าโครงสร้างจะเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งก็ตาม เมื่อเรารับประทาน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานเข้าไปในร่างกาย มันจะเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็วและอิ่มได้นาน ช่วยลดความอยากอาหารลงไป เราสามารถลดพลังงานที่จะได้รับจากอาหารได้จึงส่งผลให้ลดน้ำหนักได้นะค่ะ

ประเภทของอาหารที่ให้ใยอาหารสูงแก่ร่างกาย ก็คือ อาหารประเภทถั่วทั้งชนิดฝักและเมล็ด  ผัก ผลไม้ และข้าวซ้อมมือ (ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี) รวมถึงขนมปังโฮลวีท (ขนมปังแป้งสาลีที่ไม่ผ่านการขัดสี) ด้วยเช่นกัน  เอ้ !!  เราทราบหรือไม่ว่า  เส้นใยอาหารนั้น  จะช่วยล้างพิษในร่างกายรวมถึงระบบการย่อย การขับถ่าย  และยังได้รับผลพลอยได้ในการควบคุมน้ำหนักจนมีรูปร่างสวยเพียวด้วย   และที่สำคัญใยอาหารสามารถเปลี่ยนชีวิตของทุกๆคนให้มีสุขภาพที่ดีด้วยอีกนะค่ะ

 

เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์   กับการล้างพิษ (Detox)                                                             

จากสภาพแวดล้อม ทำให้พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป  เราจึงพยายามหาแนวทางที่จะคืนความสดชื่นและการมีสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกายให้เร็วที่สุด อันเป็นที่มาของกระแส “การล้างพิษ”  จากกระบวนการทำงานของตับ ไตและลำไส้ โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ที่มีหน้าที่กำจัดของเสียจากอาหารที่เรากินเข้าไปด้วยการขับถ่ายอุจจาระทุกวัน และสิ่งสำคัญที่จะเสริมให้การล้างพิษตามธรรมชาติของลำไส้ใหญ่ให้มีประสิทธิภาพคือ เส้นใยอาหาร ที่ร่างกายได้รับจากการกินอาหารประเภทข้าวกล้อง ธัญพืช โฮลวีท ข้าวโอ๊ต ถั่ว ผักและผลไม้ เป็นต้น

แต่ในความเป็นจริง หลายคนอาจกินไม่ได้ตามที่ร่างกายต้องการทุกวัน ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก เกิดของเสียหมักหมมในลำไส้ใหญ่ และถ้าเป็นเรื้อรัง ก็เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว หลายคนพึ่งวิธีการ “กินยาระบาย” และ “การสวนล้างลำไส้ใหญ่”  ซึ่งอาจจะเป็นการทำลายจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในผนังลำไส้ใหญ่  ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองและช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดที่ก่อให้เกิดโรค  ดังนั้นหากสวนล้างลำไส้ใหญ่บ่อยเกินไปเท่ากับว่า เรากำจัดจุลินทรีย์ชนิดดีนั้นออกไปด้วย ผลก็คือ จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้น และทำให้สูญเสียสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย สรุปว่าอาจเป็นทางเลือกที่เร็วและเห็นผลทันที แต่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว

หากเราเลือกรับประทาน เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์  ในการล้างพิษ  เราจะได้รับ 

“เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ” จะพองตัวและอุ้มน้ำไว้ได้มากกว่าปริมาตรของตัวเองหลายเท่า ช่วยเพิ่มปริมาตรกากอาหารในลำไส้ ไม่ให้อุจจาระแห้งและแข็ง ทำให้ขับถ่ายได้ง่ายและสบายขึ้น ไม่มีสิ่งหมักหมมค้างในลำไส้ใหญ่

“เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ” จะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่อย่างช้าๆ ทำให้เกิดกรดไขมันชนิดสายสั้น (Short-chain fatty acid)ได้แก่ อะซิเตท โพรพิโอเนท และบิวทีเรท ซึ่งสารบิวทีเรทจะทำให้ค่า pH ในลำไส้ลดลงต่ำ มีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ จุลินทรีย์ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคและลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

 

ประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับจากการรับประทาน เส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์  เป็นประจำ
“ลดคลอเรสเตอรอล และ ดีต่อผู้ป่วย โรคหัวใจ”
การวิจัยพบว่า ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ สามารถช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือด จึงลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้ค่ะ
“ดีต่อผู้ที่เป็น โรคเบาหวาน”
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบอีกว่า ไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้จะช่วยในด้านการลดระดับน้ำตาลในเลือด จนสามารถช่วยลดการใช้ปริมาณอินซูลินในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และยังค้นพบอีกว่าคนที่รับประทาน ไฟเบอร์มากๆ จะช่วยลดโอกาสการเป็น เบาหวาน

“ดีต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก”

ไฟเบอร์ เป็นเส้นใยธรรมชาติ จึงไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ใช้พื้นที่มากในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้เวลารับประทานไฟเบอร์เข้าไปจะรู้สึกอิ่มได้เร็วและนาน ช่วยลดความอยากอาหารลงได้ส่งผลให้เราควบคุม และลดน้ำหนักลงได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้น  “การล้างพิษ” ที่ดีที่สุด คือ การล้างพิษตามธรรมชาติด้วยการรับประทานอาหารที่สด ปรุงสะอาดมีกากใยสูงและมีคุณค่าต่อร่างกาย ควบคู่กับการดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน การออกกำลังกายบ้าง  นอนหลับพักผ่อนและทำจิตใจให้แจ่มใส และอาจใช้ผลิตภัณฑ์เส้นใยอาหารธรรมชาติเสริม ในกรณีที่รับประทานอาหารที่มีเส้นใยน้อยก็ได้นะค่ะ

อ้างอิงข้อมูลจาก : นิตยสาร Health Today

มารู้จัก ซีบัคธอร์น กันเถอะ….แล้วคุณจะหลงรัก

ซีบัคธอร์น (Seabuckthorn) “เบอร์รี่มหัศจรรย์ และมีมนต์ขลังแห่งที่ราบสูงอินเนอร์มองโกเลีย”
ซีบัคธอร์น พืชโบราณที่มีมนต์ขลัง หนึ่งในพืชที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุยาวนานถึง 65 ล้านปี ซีบัคธอร์น จัดเป็นราชาผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารอยู่อย่างมากมาย ในสมัยกรีกโบราณ ได้กล่าวถึงการนำซีบัคธอร์นมาใช้เพื่อบำรุงรักษาม้าศึก ด้วยการนำผล รวมถึงใบ ของซีบัคธอร์น มาใช้ในหลายๆวิธี เพื่อดูแลม้า ให้มีสุขภาพแข็งแรงมีกำลังวังชา ขนดกมันวาว ด้วยเหตุนี้ ชาวกรีกโบราณจึงเรียกซีบัคธอร์นว่า “ฮิปโปฟาเอ” Hippophae หมายถึง ม้าที่มีขนสวยเป็นเงางาม
“ ประเทศจีนได้มีการค้นพบเรื่องคุณประโยชน์ของซีบัคธอร์น โดยมีการบันทึกลงในตำราโบราณมานานกว่า 2,000 ปี จนถึงปี ค.ศ.1997 “ ซีบัคธอร์น” ได้ถูกบันทึกเป็นทางการ ลงในหนังสือแพทย์จีน ถึงสรรพคุณทางยา สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรค , ดูแลฟื้นฟูสุขภาพ เนื่องจากคุณสมบัติของสารอาหารที่มีอยู่ครบถ้วนจนซีบัคธอร์นได้รับสมญานามว่าเป็น “ พืชที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก” ปัจจุบันนี้ได้มีการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่องทั้งใน เอเชีย , ยุโรป , อเมริกา อย่างกว้างขวางในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ นักโภชนาการ และ ทางการแพทย์ ”

มารู้จัก ซีบัคธอร์น กันเถอะ….แล้วคุณจะหลงรัก

ชื่อสามัญ : ซีบัคธอร์น (Seabuckthorn) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า : Hippophae Rhamnoides

ต้น ซีบัคธอร์น มีลักษณะเป็นไม้พุ่มยืนต้น มีรากยาวหยั่งลึกเกาะเกี่ยวกันไว้ แผ่ขยายปกคลุมพื้นที่ใต้ดินอย่างกว้างขวาง รากนี้ยังมีคุณสมบัติกักเก็บน้ำได้ดีเหมือนอูฐ ความสูงของต้นเฉลี่ย สูง 50 เซนติเมตร – 6 เมตร เป็นไม้มีหนาม ใบสีเขียวสดใสเรียวยาว สีเข้มอ่อนแตกต่างกันไป มีผลสีส้มทองเล็กๆ ขนาด 6 – 9มิลลิเมตร ลักษณะเป็นพวง ๆ รสชาติเปรี้ยวฝาด ใน 1 ผล จะมี 1 เมล็ด เมล็ดของซีบัคธอร์น นั้นถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมัน ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าอย่างสมบูรณ์แบบ ผล เมล็ดเนื้อและเปลือก 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน สามารถสกัดออกมาเป็นน้ำมัน ได้เพียง 3 กิโลกรัม เท่านั้น ต้นของซีบัคธอร์น จะมีดอกในช่วงเดือน เมษายน ถึง พฤษภาคม มีผลสุกเต็มที่ในช่วงปลายกันยายน ของทุกๆปี และการออกผลนี้มีเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น

ชีวิตของ ซีบัคธอร์น ต้นซีบัคธอร์นชอบอากาศหนาว สามารถเติบโตได้ดีบนที่ราบสูง และเขตเทือกเขา สามารถเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีระดับความสูงถึง 4,000 เมตรจากน้ำทะเล พืชอื่นๆ ส่วนใหญ่จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เนื่องจากออกซิเจนต่ำ สำหรับซีบัคธอร์นนั้น เป็นพืชที่สามารถปรับตัวได้ดี และมีความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวได้สูง ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ทะเลทราย แห้งแล้ง ดินเค็ม ซีบัคธอร์นยังสามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และฤดูหนาวที่อุณหภูมิสูงถึง – 40 องศาเซลเซียส และด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้ ซีบัคธอร์น สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในพื้นที่ทะเลทรายร้อนสุด หนาวสุด แม้กระทั่งในช่วงที่อากาศหนาวจัด พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ รวมถึง ต้นของซีบัคธอร์น ใบ ผล ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอย่างหนาแน่น ซีบัคธอร์นก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ และผลสีส้มทองของซีบัคธอร์น ยังคงสดใสและไม่เป็นน้ำแข็ง แต่กลับยังมีผลที่สวยงาม เปล่งปลั่ง และด้วยความเย็นนี้จึงทำให้ ผลของซีบัคธอร์นจึงคงคุณค่าสารอาหารไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

พื้นที่ป่า ซีบัคธอร์น พื้นที่ป่าซีบัคธอร์นธรรมชาติ พบได้ตามเขตที่ราบสูงและเขตเทือกเขาตั้งแต่ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงเทือกเขาหิมาลัยในเอเชียกลาง รวมไปถึงทางตะวันตกและทางเหนือของประเทศจีน โดยเฉพาะที่จีนนั้นพบป่าซีบัคธอร์นได้จำนวนมาก ในแถบตอนใต้ของประเทศมองโกเลีย เรื่อยมาจนถึงที่ราบสูง “อินเนอร์มองโกเลีย” ในเขตปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจีน เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ประเทศจีนนั้นถือว่ามีพื้นที่เพาะปลูกซีบัคธอร์นสูงถึง 95 %ของพื้นที่เพาะปลูก ซีบัคธอร์นทั้งโลก จัดเป็นพืชโบราณหายากที่มีมนต์ขลัง เปรียบเสมือนราชาผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินจีน
อินเนอร์มองโกเลีย อยู่ในเขตที่ราบสูงทางทิศเหนือของประเทศจีนติดกับทางใต้ของประเทศมองโกเลียและมีเทือกเขา โดยส่วนใหญ่มีพื้นที่เป็นทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย อากาศหนาวเย็น ในช่วงฤดูหนาวมีอุณหภูมิต่ำถึง – 40 องศาเซลเซียส อินเนอร์มองโกเลีย มีความอุดมสมบรูณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นดินนั้นมีแร่ธาตุนานาชนิดอยู่อย่างอุดมสมบรูณ์จากที่เคยเป็นพื้นดินมหาสมุทรในอดีตกาล และพื้นที่นี้ยังมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เปรียบเสมือนตู้เย็นขนาดใหญ่ ส่งเสริมให้ผลของซีบัคธอร์น คงความสดใสเปล่งปลั่ง ดังนั้น ป่าซีบัคธอร์นธรรมชาติในพื้นที่นี้จึงมีความอุดมสมบูรณ์สูง และมีผล เมล็ด ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุสารอาหารสำคัญๆ อยู่อย่างสมบรูณ์แบบ

ซีบัคธอร์น กับการค้นคว้าและการวิจัยระดับสากล ปัจจุบัน ซีบัคธอร์น ได้มีการวิจัยอย่างต่อเนื่องทั้งยุโรป เอเชีย และได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ รวมถึงวงการอวกาศ น้ำมันสกัดจากเมล็ดซีบัคธอร์น ถูกนำคุณประโยชน์มาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในวงการอาหารเสริม เครื่องสำอาง และวงการแพทย์ รัสเซีย ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่วิจัยซีบัคธอร์น ในปัจจุบัน ได้จดทะเบียนรับรองซีบัคธอร์นเป็นยา ในรัสเชียนั้นนอกจากจะใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้ในด้านเสริมความงาม และใช้ในอวกาศด้วย นักบินอวกาศของรัสเชีย ทานซีบัคธอร์นเพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี และสภาวะต่างๆในอวกาศ ก่อนที่จะเดินทางสู่อวกาศ อีกด้วย
ในปัจจุบันนี้ แถบยุโรป ยังมีการศึกษาข้อมูล โอเมก้า 7 (Omega 7) ในซีบัคธอร์น กับการควบคุมการดูดซึมไขมัน ของระบบสมอง ซึ่งมีส่วนช่วยลดไขมัน ลดระดับคอเรสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และยังส่งเสริมการลดน้ำหนักได้ดีขึ้นอีกด้วย การค้นคว้าวิจัยในการนำซีบัคธอร์น มาใช้ให้เป็นประโยชน์แบบไม่หยุดยั้งนั้น จึงมีนัยสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ซีบัคธอร์น ผลไม้แห่งชีวิต ทุกๆส่วนของซีบัคธอร์น สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะ เมล็ดเล็กๆ สีดำ ที่อยู่ในผลนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญและมีคุณค่ามากที่สุด เมล็ด ของซีบัคธอร์น นี้สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมัน ซึ่งสารอาหารส่วนใหญ่ในผลของซีบัคธอร์น อยู่ที่น้ำมันของ “เมล็ด”

• ซีบัคธอร์น มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ( BIO – ACTIVE NUTRIENTS ) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากถึง190ชนิด

• อุดมไปด้วยวิตามิน ได้แก่ วิตามิน E ,D , A, C และ K ซีบัคธอร์น มีวิตามินซี สูงมากกว่าผลไม้ทุกชนิด

• เป็นแหล่งรวมของ โอเมก้า (Omega) 7, 3 ,6 ,9

• ในน้ำมันสกัด ซีบัคธอร์น อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงถึง 80% กรดไขมันนี้ยังเป็นแหล่งสำคัญของการผลิตคอลลาเจน เพื่อสุขภาพของผิว ผม และเล็บ

• กรดอะมิโน ที่ร่างกายต้องการสูงถึง 18 ชนิด ล้วนมีอยู่ครบในซีบัคธอร์น

• มีแร่ธาตุ 12 ชนิด ที่ร่างกายต้องกาย เช่น แคลเซียม เหล็ก สังกะสี โปตัสเซียม ซีลีเนียม ในปริมาณที่สูงมาก

• น้ำมันเมล็ดซีบัคธอร์นยังอุดมไปด้วย S.O.D ( Super Oxide Dismutase สารต้านอนุมูลอิสระ)
โดยมีปริมาณเข้มข้นกว่าโสมถึง 4 เท่า

คำสั่งต่างๆ html

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ และ ความงาม อย่างเห็นผลได้ที่ 080 8070633 Line ID : atmcenter3